เมียนมา สั่ง ตัดเน็ต ซ้ำเป็นคืนที่สองติดต่อกัน หวังสกัดการชุมนุมที่ดำเนินต่อเนื่องนานหลายวัน พร้อมออกฏหมายฉบับใหม่เพื่อลงโทษผู้ชุมนุม เมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ สำนักข่าว BBC รายงานว่า กลุ่ม NetBlock องค์กรเฝ้าระวังที่ตรวจสอบความปลอดภัยทางไซเบอร์และการกำกับดูแลอินเทอร์เน็ต ได้ออกมาเปิดเผยว่าเมื่อช่วงเวลาประมาณตี 1 ของอังคารที่ 16 กุมภาพันธ์ ตามเวลาในประเทศเมียนมานั้น อินเตอร์เน็ตถูกตัดขาดเกือบทั้งหมด
ซึ่งถือเป็นครั้งที่ 2 ติดต่อกันที่มีรายงานว่าอินเตอร์เน็ตถูกรบกวน
และถือเป็นครั้งที่สี่นับตั้งแต่เกิดการรัฐประหารขึ้น โดยผู้เชี่ยวชาญคาดว่าการกระทำดังกล่าวมีจุดมุ่งหมายเพื่อสกัดการชุมนุมต่อต้านการรัฐประหารที่ดำเนินมายาวนานต่อเนื่องนับสัปดาห์ ขณะเดียวกันทางกองทัพได้ออกมาเพิ่มกฎหมายฉบับใหม่เพื่อกดดันเพื่อชุมนุม โดยกฎหมายฉบับใหม่ระบุว่า ผู้ที่ขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ของหน่วยรักษาความปลอดภัยอาจถูกจำคุกเป็นระยะเวลา 20 ปี ขณะที่ผู้ที่ปลุกปั่นสร้างความวุ่นวายและความหวาดกลัวให้กับชุมชน จะถูกจำคุกเป็นระยะเวลา 3 – 7 ปี
นอกจากนี้กระทรวงการสื่อสารเมียนมาได้ส่งข้อความไปหาสมาคมสื่อเมียนมา เตือนสื่อมวลชนไม่ให้เรียกรัฐบาลของพลเอกอาวุโส มินอ่องหล่าย ว่า รัฐบาลรัฐประหาร ซึ่งผู้ละเมิดคำสั่งดังกล่าวอาจถูกจำคุก หรือ สื่ออาจถูกถอนใบอนุญาตได้
ย้อนกลับไปเมื่อวันจันทร์ที่ 1 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมานั้นกองทัพได้ทำการก่อรัฐประหารพร้อมจับกุมนาง อองซานซูจี ที่ปรึกษาแห่งรัฐเมียนมา ในข้อหาโกงการเลือกตั้งเมื่อช่วงเดือนพฤศจิกายน ปีที่ผ่านมา ซึ่งพล.อ. มิน อ่อง หล่าย ผู้บัญชาการทหารสูงสุดเมียนมารับปาก จะจัดการเลือกตั้งทันทีหลังยึดอำนาจ 1 ปีตามที่ประกาศเอาไว้
นอกจากนางอองซานซูจีแล้ว นาย วิน มินต์ อดีตประธานาธิบดีเมียนมา ถูกจับกุมและตั้งข้อหาละเมิดกฎหมายการห้ามชุมนุมในระหว่างสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 หลังจากเขาได้พบปะกับผู้สนับสนุนเขาที่ออกมาเดินขบวนสนับสนุนในช่วงหาเสียงเลือกตั้ง
จากการการก่อรัฐประหารได้นำไปสู่การชุมนุมต่อเนื่องนานหลายวัน จนนำไปสู่เหตุความรุนแรงในหลายพื้นที่
ยังคงมีการเติบโตอย่างต่อเนื่องกับ Bitcoin ที่ได้ที่มีการเพิ่มขึ้นของมูลค่าที่สามารถเข้าใกล้เป้าหมายมูลค่า 50,000 ดอลลาร์ในช่วงที่ผ่านมา แต่ก็ยังแค่เข้าใกล้ ล่าสุดนี้ได้หดตัวลงมาอยู่ที่ประมาณ 46,000 ดอลลาร์
มูลค่าของ Bitcoin ได้มีการหดตัวลดลงไป หลังจากที่มีความใกล้เคียงจะทะลุเพดานของระดับมูลค่าสูงสุด 50,000 ดอลลาร์ (1,495,498.84 บาท) โดยสูงสุดอยู่ที่ระดับมูลค่า 49,714.66 ดอลลาร์ (1,486,964.33 บาท) เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ซึ่งในเวลานี้ได้ตกลงมาอยู่ในระดับมูลค่า 46,911.17 ดอลลาร์ (1,402,743.22 บาท)
ซึ่งการหดตัวลงนั้นก็ไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะแค่บิตคอยน์เท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงสกุลเงินดิจิทัลตัวอื่นอีกด้วย อาทิ Ethereum – $1,737.27 (51,961.71 บาท), Chainlink – $31.58 (944.56 บาท) และ Litecoin – $198.98 (5,951.49 บาท)
ถือว่าเป็นการลดลงที่มากที่สุดนับตั้งแต่ที่ Tesla บริษัทนวัตกรรมเทคโนโลยีชื่อดัง ได้ทำการกว้านซื้อไปในมูลค่า 1.5 พันล้านดอลลาร์ และเริ่มทำการรับสกุลเงินนี้ในการใช้จ่ายแลกเปลี่ยน โดย Chris Weston หัวหน้าทีมวิจัยศึกษาที่ Melbourne brokerage Pepperstone ได้กล่าวว่า “การซื้อขายอย่างไร้เดียงสาของบรรดาผู้เล่นรายใหญ่นี้จะยังคงทำการพลักให้มูลค่านั้นสูงขึ้นไปอีก เราอาจจะเห็นการแลกเปลี่ยนขนาดใหญ่อีก 1-2 ก็เป็นได้”
อังกฤษ เผย ฉีดวัคซีนโควิด ได้ 15 ล้านคน
นายกฯ อังกฤษ ได้ออกมาเปิดเผยว่าพวกเขาสามารถทำตามเป้าด้วยการ ฉีดวัคซีนโควิด กับประชาชนแล้ว 15 ล้านคน เมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ สำนักข่าว อัลจาซีรา รายงานว่านายบอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีอังกฤษ ได้ออกมาเปิดเผยว่าทางการได้ฉีดวัคซีนต้านโควิด-19 ให้กับประชาชนที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงแล้ว 15 ล้านคน ซึ่งถือเป็นจำนวนที่ตามเป้าที่รัฐบาลอังกฤษได้วางเอาไว้
นายจอห์นสันกล่าวว่าความสำเร็จในครั้งนี้ถือว่ามีความสำคัญ แต่พวกเขาจะยังนิ่งนอนใจไม่ได้ เนื่องจากเส้นทางยังอีกยาวไกล พร้อมระบุว่าพวกเขาจะต้องเจออุปสรรคในอนาคต อย่างไรก็ตามพวกเขามั่นใจว่าพวกเขาสามารถเดินหน้าได้อย่างมั่นใจ
ประเทศอังกฤษถือเป็นประเทศแรกที่ประกาศอนุมัติการฉีดวัคซีนโควิด ซึ่งทางการได้ฉีดวัคซีนให้กับเจ้าหน้าที่แพทย์, ผู้อยู่ในอาศัยในบ้านพักคนชรา, ผู้สูงอายุที่มีอายุมากกว่า 70 ปี
ซึ่งจากความสำเร็จในครั้งนี้ ส่งผลให้ทางการอังกฤษเตรียมฉีดวัคซีนให้กับผู้สูงอายุในช่วง 65 ปี ถึง 69 ปี รวมไปถึงผู้ที่มีโรคประจำตัวและเสี่ยงต่อการเสียชีวิตจากโควิด-19 โดยสำนักงานบริการสุขภาพแห่งชาติ (NHS) ระบุว่ามีประชาชนในกลุ่มดังกล่าวได้ยื่นเรื่องขอรับวัคซีนแล้ว 1.2 ล้านคน
โดยทางการอังกฤษให้คำมั่นสัญญาว่าจะฉีดวัคซีนให้กับประชาชนที่มีอายุมากกว่า 50 ปีในช่วงเดือนพฤษภาคมที่จะถึงนี้ และผู้ใหญ่ทุกคนในช่วงเดือนกันยายน ขณะนี้ประเทศอังกฤษมียอดผู้ป่วยสะสมมากกว่า 4 ล้านราย และมีผู้เสียชีวิตจากเชื้อไวรัสแล้วอย่างน้อย 110,000 ศพ
แนะนำ : ดูดวงไพ่ยิปซี | รีวิวที่พัก | รีวิวคาเฟ่ | วิธีลดน้ำหนัก | รีวิวอนิเมะ ญี่ปุ่น